หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท รักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
ความเจ็บปวดเรื้อรังสามารถทำลายคุณภาพชีวิตได้อย่างสิ้นเชิง แต่วิธีที่เรามักใช้จัดการกับมันเช่นใช้ยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์ กลับนำไปสู่ปัญหาที่อันตรายยิ่งกว่า มีผู้คนหลายคนตกอยู่ในวงจรอันตรายของการเสพติดสารระงับปวด แต่ในปัจจุบันมีวิธีการที่ปลอดภัยกว่า เป็นการรักษาแบบไม่ใช้ยาที่จัดการกับต้นเหตุของความเจ็บปวดโดยตรง ไม่ใช่เพียงแค่บรรเทาอาการ วันนี้เรามาทำความเข้าใจอันตรายของการเสพติดสารระงับปวดและมาดูทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการใช้ชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดและการเสพติด
มารู้จักภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทคืออะไร
หมอนรองกระดูกทำหน้าที่เป็นตัวรองรับแรงกระแทกและช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น หมอนรองกระดูกมีลักษณะคล้ายเจลลี่ที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทเป็นภาวะที่หมอนรองกระดูกซึ่งอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังเคลื่อนตัวหรือยื่นออกมา การเคลื่อนตัวนี้สามารถกดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการปวด ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออาการอื่นๆ ตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ
สาเหตุของภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท
- อายุ : เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะสูญเสียน้ำและมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้เสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น
- ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง : การนั่งหรือยกของด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องอาจเพิ่มแรงกดดันต่อหมอนรองกระดูก
- การบาดเจ็บ : การได้รับอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงอาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวได้
- การไอหรือจามอย่างรุนแรง : แรงดันที่เพิ่มขึ้นจากการไอหรือจามอย่างรุนแรงอาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวได้
- ปัจจัยทางพันธุกรรม : ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท
- การสูบบุหรี่ : การสูบบุหรี่อาจทำให้การไหลเวียนโลหิตไปยังหมอนรองกระดูกลดลง ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- น้ำหนักเกิน : น้ำหนักที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงกดดันต่อหมอนรองกระดูก
- การขับรถเป็นเวลานาน : การสั่นสะเทือนและการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานอาจทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพได้
อาการของภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท
อาการของภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทมีความหลากหลายและสามารถแสดงออกได้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ตำแหน่งของหมอนรองกระดูกที่เคลื่อนตัว ระดับความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท และสภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และอาจมีลักษณะเป็นๆ หายๆ หรือต่อเนื่อง
- ปวดหลัง : อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ความรู้สึกปวดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจรู้สึกปวดเมื่อยๆ ตื้อๆ ในบริเวณหลังส่วนล่าง ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกปวดแปลบคล้ายเข็มแทง หรือมีอาการปวดแสบร้อน
- ปวดร้าวลงขา : อาการปวดร้าวลงขา หรือที่เรียกว่า Sciatica เป็นอาการที่จำเพาะต่อการกดทับเส้นประสาท Sciatic Nerve ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ยาวที่สุดในร่างกาย อาการปวดมักเริ่มต้นจากบริเวณหลังส่วนล่าง และแผ่กระจายลงไปยังด้านหลังของต้นขา น่อง และอาจลงไปถึงเท้าและนิ้วเท้า ลักษณะของอาการปวดอาจเป็นแบบปวดแสบร้อน ปวดแปลบ หรือปวดเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง : การกดทับเส้นประสาทอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ควบคุมโดยเส้นประสาทนั้นๆ ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ อาการอ่อนแรงอาจเกิดขึ้นที่ขา เท้า หรือนิ้วเท้า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าขาไม่มีแรง เดินลำบาก หรือยกเท้าไม่ขึ้น ในบางกรณี อาการอ่อนแรงอาจรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- ชาหรือรู้สึกเสียวซ่า : อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่า เป็นความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นเนื่องจากการรบกวนการส่งสัญญาณประสาท อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณต่างๆ ที่เส้นประสาทถูกกดทับ เช่น ขา เท้า นิ้วเท้า หรือบริเวณฝ่าเท้า ผู้มีอาการอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสเบาๆ ผิวหนัง หรือรู้สึกเหมือนมีมดไต่
- อาการแย่ลงเมื่อเคลื่อนไหว : อาการปวดและอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท มักมีแนวโน้มที่จะแย่ลงเมื่อมีการเคลื่อนไหวบางท่าทาง หรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ตัวอย่างเช่น อาการปวดอาจแย่ลงเมื่อไอ จาม เบ่ง ถ่าย นั่ง ยืน เดิน หรือก้มตัว
- การเปลี่ยนแปลงในการควบคุมการขับถ่าย : ในกรณีที่รุนแรง ภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ ทำให้เกิดปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ผู้ป่วยอาจมีอาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ
ทางเลือกใหม่ในการรักษา Epidural Adhesiolysis
Epidural Adhesiolysis เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากการกดทับเส้นประสาทโดยเฉพาะในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมหรือไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ การรักษานี้มีข้อได้เปรียบคือเป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้นสั้น และสามารถทำซ้ำได้หากจำเป็น
กลุ่มที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วย Epidural Adhesiolysis
- Failed Back Surgery Syndrome (FBSS) : อาการปวดที่ยังคงอยู่หรือกลับมาใหม่หลังการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
- Epidural Fibrosis : การเกิดพังผืดรอบรากประสาทหลังการผ่าตัด
- Spinal Stenosis : ภาวะโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท
- Herniated Disc with Radiculopathy : หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม
- Chronic Radicular Pain : อาการปวดร้าวลงขาจากเส้นประสาทถูกกดทับ
- ผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ : เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
จุดเด่นของการรักษาโดยวิธี Epidural Adhesiolysis
- การบรรเทาอาการปวดระยะสั้น : ผู้ป่วยประมาณ 70-90% รายงานว่ามีอาการปวดลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายในสัปดาห์แรกหลังการรักษา
- ผลลัพธ์ระยะกลาง : ประมาณ 40-60% ของผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดลดลงที่ 3-6 เดือนหลังการรักษา
- ผลลัพธ์ระยะยาว : ประมาณ 30-40% ของผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดลดลงที่ 12 เดือน โดยบางรายอาจต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
- การฟื้นฟูการทำงาน : ผู้ป่วยประมาณ 50-60% รายงานว่าสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้นหลังการรักษา
สรุป
ท้ายสุดแล้วการไม่มีโรคใดๆ รากฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ใครๆ ก็ต้องการมากที่สุด ดังนั้นหากวันนี้คุณยังไม่มีอาการหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ก็อยากจะให้คุณใส่ใจดูแลตัวเองให้ดี ทำได้ง่ายๆ กินดี ออกกำลังกายเสมอให้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวแข็งแรง ใส่ใจท่าทางในชีวิตประจำวันให้ถูกท่า ถูกทาง และอย่าลืมรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม น้ำหนักที่มากเกินไปเพิ่มแรงกดทับต่อกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกโดยตรง
บทความโดย พญ. นาตยา อุดมศักดิ์
ผู้นำทีมแพทย์ ผู้นำนวัตกรรมรักษาความปวดระดับครบวงจร มาตรฐานนานาชาติ ให้แก่คนไทย และในภูมิภาค ประสบการณ์กว่า 17 ปี ผ่านการร่วมงานกับ โรงพยาบาลชั้นน้ำมาแล้ว