แชร์

ปวดหลัง ไม่ควรมองข้าม สัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่

อัพเดทล่าสุด: 8 เม.ย. 2025

ปวดหลัง เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดของปัญหาสุขภาพในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน อาการปวดหลังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และมักมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ประเภทของอาการปวดหลังที่พบบ่อย


ปวดหลังด้านล่าง (Low Back Pain)

เป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจากการใช้งานหนัก เช่น การยกของหนัก หรือการนั่งในท่าที่กดดันกระดูกสันหลัง

 

ปวดหลังกลาง (Mid Back Pain)

มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลังช่วงกลาง เช่น การบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรืออุบัติเหตุ

 

ปวดหลังระดับบน (Upper Back Pain)

มักเกี่ยวข้องกับอาการปวดคอ กล้ามเนื้อบ่า หรือไหล่ เช่น อาการที่เกิดจากการนั่งทำงานในท่าทางไม่เหมาะสม

ระยะเวลาของอาการปวด

  • ปวดหลังเฉียบพลัน: อาการปวดที่เป็นไม่เกิน 3 เดือน เกิดจากการบาดเจ็บหรือการใช้งานกล้ามเนื้อเกินไป
  • ปวดหลังเรื้อรัง: อาการปวดที่มีระยะเวลามากกว่า 3 เดือน อาจเป็นผลจากโรคเรื้อรัง เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน

อาการที่ต้องระวัง

แม้ว่าอาการปวดหลังทั่วไปอาจเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อเกินกำลัง แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • ปวดร้าวลงแขนหรือขา
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรง
  • อาการปวดรุนแรงจนทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้
  • เจ็บแปล๊บเมื่อขยับ หรือโดนกระทบ
  • ปวดเมื่อขยับเปลี่ยนท่า เช่น หมุนตัวไม่ได้ หมุนคอไม่ได้ ก้าวเดินไม่ได้
  • ปวดหลังเรื้อรังที่ไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์


ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

การละเลยอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นบ่อยอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น

  • หมอนรอง กระดูกสันหลัง เคลื่อนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
  • การเสื่อมของ กระดูกสันหลัง ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว
  • การกดทับเส้นประสาทที่อาจทำให้สูญเสียความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อ

 

นอกจากนี้ อาการปวดหลังยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้อีก เช่น

  • ท่าทางที่ไม่เหมาะสม (Poor Posture) เช่น การนั่งทำงานท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน
  • ภาวะบาดเจ็บ (Trauma)
  • ภาวะกระดูกเสื่อม เช่น โรคกระดูกพรุน
  • ผลค้างเคียงจากการผ่าตัด
  • ความเสื่อมของร่างกายตามอายุที่เพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อเกิน 35 ปี)

 

การวินิจฉัย

เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของอาการปวดหลัง แพทย์อาจใช้เทคนิคการวินิจฉัยที่ทันสมัย เช่น:

  • การฉีดยาชาเข้าไปที่เส้นประสาทที่เลี้ยงข้อต่อกระดูกหลังบริเวณบั้นเอว
  • การฉีดสเตียรอยด์เข้าไปที่ข้อต่อกระดูกหลังบริเวณบั้นเอว
  • การเอกซเรย์ (X-Ray): เพื่อดูโครงสร้างของ กระดูกสันหลัง
  • MRI หรือ CT Scan: ใช้สำหรับตรวจรายละเอียดของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และกระดูก
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG): สำหรับวิเคราะห์การทำงานของเส้นประสาท


แนวทางการรักษาอาการปวดหลัง

  • การรักษาด้วยยา
    • การใช้ยาสเตียรอยด์
  • การใช้เทคโนโลยี
    • การรักษาด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง
  • กายภาพบำบัด
    • การนวดบำบัด การใช้เลเซอร์ หรือ Shockwave Therapy
  • การปรับพฤติกรรม
    • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
    • ออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง
  • การผ่าตัด
    • ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ผล

อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลเซเปี้ยนส์ไม่แนะนำให้ผ่าตัดโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ แนะนำให้ใช้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ก่อน เนื่องจากการผ่าตัดอาจจะมีความเสี่ยงในระยะยาวเกี่ยวกับการช้ำของเนื้อเยื่อ (Tissue scar)

การป้องกันอาการปวดหลัง

  • ปรับท่าทาง: เช่น การนั่งในท่าที่หลังตรง ลดการก้มคอหรือโค้งหลัง
  • ออกกำลังกาย: การบริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องช่วยลดความเสี่ยง
  • พักผ่อน: ลดเวลานั่งทำงานต่อเนื่อง และเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยครั้ง

 

สรุป

อาการปวดหลังอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันได้ การดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอาการปวดหลังอย่างเหมาะสม


บทความที่เกี่ยวข้อง
Spinal Cord Stimulation, SCS, การกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้า, เซเปี้ยนซ์, sapienspainhospital, sapiens
นวัตกรรมการรักษาความปวดเรื้อรังที่ช่วยควบคุมอาการได้อย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีการกระตุ้นไฟฟ้าบริเวณไขสันหลัง เพื่อคืนคุณภาพชีวิตและความสุขในการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
8 ต.ค. 2025
Failed Back Surgery Syndrome , FBSS, ปวดร้าวลงขาหลัง, ปวดหลังผ่าตัด, ปวดหลัง
เคยไหม…ผ่าตัดหลังแล้วแต่ยังปวดอยู่เหมือนเดิม หรืออาการกลับมาอีกไม่นานหลังผ่าตัด? ภาวะนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า “Failed Back Surgery Syndrome (FBSS)
8 ต.ค. 2025
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy