แชร์

ข้อเท้าพลิกไม่หาย 3 เดือน ยังไม่หาย ควรทำอย่างไร?

อัพเดทล่าสุด: 30 พ.ค. 2025

อาการข้อเท้าพลิกหรือแพลง แม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักคาดหวังว่าจะดีขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ด้วยการดูแลเบื้องต้น แต่เมื่ออาการปวด บวม หรือความรู้สึกไม่มั่นคงที่ข้อเท้ายังคงรบกวนชีวิตคุณนานถึง 3 เดือน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าการบาดเจ็บครั้งนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด อาจมีความเสียหายต่อเส้นเอ็นที่รุนแรงกว่าปกติ หรือเกิดภาวะข้อเท้าหลวมเรื้อรังตามมา เราเข้าใจความรู้สึกและความยากลำบากที่คุณกำลังเผชิญ วันนี้เราจึงจะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้อาการข้อเท้าพลิกยังคงอยู่ยาวนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น พร้อมทั้งแนวทางการรับมือและทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณก้าวข้ามความเจ็บปวดนี้ได้

 

ทำไมข้อเท้าพลิก 3 เดือนแล้วยังไม่หาย?

โดยทั่วไป อาการข้อเท้าพลิกที่ไม่รุนแรงมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และหายได้ภายใน 2-6 สัปดาห์ด้วยการดูแลเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม หากคุณยังมีอาการปวด บวม หรือรู้สึกข้อเท้าไม่มั่นคงนานถึง 3 เดือน อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้

ความรุนแรงของการบาดเจ็บครั้งแรก

  • เส้นเอ็นเสียหายรุนแรง : หากการบาดเจ็บครั้งแรกทำให้เส้นเอ็นฉีกขาดทั้งหมด อาจต้องใช้เวลานานถึง 6-10 เดือนในการฟื้นตัว ในบางกรณี เส้นเอ็นอาจไม่สามารถสมานตัวเองได้ดีเท่าที่ควร หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การบาดเจ็บระดับนี้มักทำให้มีอาการปวดบวมมาก ไม่สามารถลงน้ำหนักได้ และอาจรู้สึกว่าข้อเท้าหลวม
  • การบาดเจ็บอื่น ๆ ร่วมด้วย : บางครั้งอาการปวดเรื้อรังอาจเกิดจากการบาดเจ็บอื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกับข้อเท้าพลิก แต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยแต่แรก เช่น กระดูกหัก กระดูกอ่อนในข้อเสียหาย หรือเส้นเอ็นส่วนอื่นบาดเจ็บ การตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ หรือ MRI อาจจำเป็นเพื่อวินิจฉัยภาวะเหล่านี้

 

ภาวะข้อเท้าหลวมเรื้อรัง

ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นเอ็นที่เคยบาดเจ็บไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม พักการใช้งานไม่เพียงพอ หรือกลับไปใช้งานข้อเท้าเร็วเกินไป ส่งผลให้เส้นเอ็นที่ควรจะซ่อมแซมตัวเองกลับมายืดหยุ่นได้ไม่ดีเท่าเดิม หรือยืดออก ทำให้ข้อเท้าขาดความมั่นคง ผลที่ตามมาคือ ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าข้อเท้าไม่มั่นคง พลิกซ้ำได้ง่าย แม้ในการทำกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวัน ภาวะนี้พบได้ประมาณ 10% ของผู้ป่วยข้อเท้าพลิก

 

การรักษาเบื้องต้นและการฟื้นฟูที่ไม่เหมาะสม

  • พักการใช้งานไม่เพียงพอ : การไม่พักข้อเท้าอย่างจริงจัง หรือรีบกลับไปเดินลงน้ำหนักเร็วเกินไป อาจขัดขวางกระบวนการสมานของเส้นเอ็น

  • ขาดการประคบเย็นและยกขาสูง : การประคบเย็นทันทีหลังบาดเจ็บช่วยลดบวมและเลือดออก, การยกขาสูงช่วยลดบวม การละเลยขั้นตอนเหล่านี้อาจทำให้อาการบวมอักเสบนานขึ้น

  • ขาดการทำกายภาพบำบัด : การฟื้นฟูที่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการขาดการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเท้า การฝึกการทรงตัว และการเพิ่มความยืดหยุ่น อาจทำให้ข้อเท้าฟื้นตัวได้ไม่สมบูรณ์และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ ปัจจุบันแนวทางการรักษาเน้น Functional Treatment ซึ่งกระตุ้นให้เส้นเอ็นฟื้นตัวเร็วขึ้น แทนการใส่เฝือกนานๆ แบบเดิม

 

สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าควรพบแพทย์

อาการปวดที่ไม่ทุเลาตามเวลา

เมื่อมีการบาดเจ็บที่ข้อเท้า โดยปกติอาการปวด บวม หรืออักเสบควรทุเลาลงเมื่อเวลาผ่านไป หากอาการเหล่านี้ยังคงอยู่หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ หรือยังคงมีอาการปวดแม้ผ่านไป 1 เดือน แสดงว่ามีความผิดปกติที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การปล่อยให้อาการปวดเรื้อรังเกิน 3 เดือนโดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาระยะยาวได้

การลงน้ำหนักที่มีปัญหา

หากคุณไม่สามารถลงน้ำหนักที่เท้าข้างที่บาดเจ็บได้ หรือมีอาการเจ็บรุนแรงเมื่อพยายามลงน้ำหนัก นี่เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่าการบาดเจ็บอาจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจมีความเสียหายของกระดูก เส้นเอ็น หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ ที่ต้องการการวินิจฉัยโดยแพทย์และอาจจำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีหรือเอ็มอาร์ไอเพื่อประเมินความเสียหายอย่างละเอียด

อาการบวมที่ผิดปกติ 

ข้อเท้าที่บวมมากหรือมีอาการบวมเรื้อรังที่ไม่ยุบลงแม้จะพักและประคบเย็นแล้ว เป็นสัญญาณที่ควรให้ความสนใจ การบวมที่ไม่ลดลงอาจบ่งชี้ถึงการอักเสบที่รุนแรง หรือการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อนที่อาจต้องการการรักษาเฉพาะทาง การปล่อยให้ข้อเท้าบวมเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมและยืดระยะเวลาการฟื้นตัว

ความรู้สึกไม่มั่นคงและการบาดเจ็บซ้ำ

หากคุณรู้สึกว่าข้อเท้าไม่มั่นคงเมื่อเดินหรือเคลื่อนไหว หรือมีประวัติข้อเท้าพลิกซ้ำบ่อยๆ นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะข้อเท้าไม่มั่นคงเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากเส้นเอ็นที่อ่อนแอหรือหย่อนยาน การบาดเจ็บซ้ำซ้อนจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อข้อเท้ามากขึ้น

ความผิดปกติของรูปร่างข้อเท้า

หากสังเกตเห็นว่าข้อเท้ามีลักษณะผิดรูปไปจากเดิม เช่น บิดเบี้ยว ผิดรูปร่าง หรือมีตำแหน่งที่ไม่สมมาตรเมื่อเทียบกับข้างที่ปกติ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างข้อเท้าอาจบ่งชี้ถึงการหักของกระดูก การเคลื่อนของข้อ หรือความเสียหายรุนแรงของเส้นเอ็นและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการจัดกระดูกหรือการผ่าตัดเพื่อแก้ไข

 

แนวทางการรักษาข้อเท้าพลิกเรื้อรัง

เมื่ออาการข้อเท้าพลิกกลายเป็นปัญหาเรื้อรังนานเกิน 3 เดือน การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความมั่นคงของข้อเท้า ลดอาการปวด และป้องกันไม่ให้เกิดการพลิกซ้ำในอนาคต โดยทั่วไป แพทย์จะเริ่มต้นด้วยแนวทางการรักษาแบบไม่ผ่าตัดก่อน ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้

การรักษาโดยไม่ผ่าตัด

การรักษาแบบประคับประคองเป็นทางเลือกแรกสำหรับภาวะข้อเท้าพลิกเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงหรือปรับเปลี่ยนกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหรือรู้สึกไม่มั่นคงที่ข้อเท้า การพักการใช้งานข้อเท้าอย่างเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงแรก แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวด หรือยาลดการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)  เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา และใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง เพื่อช่วยประคองข้อเท้าและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ และมีวิธีรักษาอื่น ๆ ไม่ว่าจะ การทำกายภาพบำบัด การออกแบบโปรแกรมเพื่อบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเท้าให้แข็งแรง การฝึกการทรงตัว การฝึกบริหารเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว

การรักษาโดยการผ่าตัด

การผ่าตัดจะถูกพิจารณาเมื่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดเป็นเวลา 3-6 เดือนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ข้อบ่งชี้อื่นๆ รวมถึงภาวะข้อเท้าหลวมเรื้อรังอย่างชัดเจน หรือกรณีที่เส้นเอ็นฉีกขาดรุนแรงและไม่สามารถสมานตัวเองได้ วัตถุประสงค์หลักคือการเย็บซ่อมหรือสร้างเส้นเอ็นขึ้นใหม่เพื่อคืนความมั่นคงให้ข้อเท้า ไม่ว่าจะเป็นการ

 

ท้ายบทความ : การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการบาดเจ็บข้อเท้าซ้ำ

แม้ว่าอาการปวดและบวมจากข้อเท้าพลิกจะทุเลาลงแล้ว การดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องและการป้องกันการบาดเจ็บซ้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่อาการเรื้อรังหรือมีภาวะข้อเท้าหลวม เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของข้อเท้าให้กลับมาแข็งแรงและมั่นคง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อเท้าพลิกซ้ำในอนาคตได้ ทริกเล็กที่จะทำให้ข้อเท้าคุณแข็งแรงคือให้สร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเท้า กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยประคองข้อเท้าให้มั่นคงขึ้น ทำได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์มาก เราสามารถใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ยางยืดออกกำลังกาย ใช้ยางยืดคล้องเท้าแล้วออกแรงต้านในทิศทางต่างๆ (บิดเท้าออกด้านนอกเข้าด้านใน กระดกขึ้น-ลง) ควรทำท่าละ 10-20 ครั้ง ทำซ้ำ 2-3 ชุดต่อวัน นอกจากการบริหารแล้ว ก็ให้เราสวมรองเท้าที่พอดีกับขนาดและรูปเท้า มีส้นกว้างและไม่สูงเกินไป พื้นรองเท้านุ่ม และรองรับเท้าได้ดี หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดข้อเท้าพลิกซ้ำได้

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้ชายกำลังใส่เฝือกเนื่องจากกระดูกหัก
รู้จักกับวิธีการป้องกันการบาดเจ็บและการดูแลสุขภาพหลังการรักษากระดูกหัก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
30 พ.ค. 2025
มือกำลังจับในส่วนของเส้นเอ็น เนื่องจากมีอาการเอ็นอักเสบ
รู้จักวิธีการรักษาเอ็นอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากการบำบัดทางกายภาพและการใช้ยา รวมถึงการดูแลตนเองที่ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูและบรรเทาอาการปวด
30 พ.ค. 2025
ออฟฟิศซินโดรม
ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือหลัง? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของออฟฟิศซินโดรม รู้จักอาการที่ต้องระวังและวิธีการบรรเทาอาการเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
30 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy