แชร์

รักษาอาการปวดหลังเรื้อรังด้วยเทคโนโลยีฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า

อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2025

        เนื้อหาในวันนี้สำหรับผู้ที่ผ่านวัยทำงานหนัก และประสบกับอาการปวดหลังเรื้อรัง ทำให้สิ่งที่ทำง่ายๆ หลายอย่างในชีวิตกลายเป็นเรื่องยากไปหมด เคลื่อนไหวได้ช้าลง จะลุกนั่ง เดิน เอียงตัว ก็เจ็บไปหมด เราจะพารู้จักกับวิธีการรักษาแบบ ฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อจัดการกับความปวดหลังเรื้อรังโดยตรงจากภายในเพื่อ ปิดกั้น สัญญาณความเจ็บปวดไม่ให้เดินทางไปถึงสมอง หรือ ฟื้นฟู การทำงานของกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวด 


เข้าใจอาการปวดหลังเรื้อรัง


อาการปวดหลังเรื้อรัง หมายถึง อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือน หรือยังคงมีอาการหลังจากที่เนื้อเยื่อได้รับการฟื้นฟูตามระยะเวลาปกติแล้ว อาการปวดอาจมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่อาการปวดเล็กน้อยที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอาการปวดรุนแรงที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ในบางกรณี แม้อาการปวดจะไม่รุนแรง แต่ความต่อเนื่องของอาการก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาว ทำให้การลุกนั่ง เดิน หรือเอียงตัว กลายเป็นเรื่องยากลำบาก


สาเหตุหลักของอาการปวดหลังเรื้อรัง

  • ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง : เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน กระดูกสันหลังเสื่อม หรือภาวะกระดูกสันหลังแคบ
  • ความผิดปกติของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ : เช่น กล้ามเนื้อหลังอักเสบ กล้ามเนื้อเกร็งตัว หรือเอ็นอักเสบ โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานในท่าทางเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน
  • การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ : เช่น การยกของหนักผิดท่า อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์
  • ความผิดปกติทางระบบประสาท : เช่น เส้นประสาทถูกกดทับ หรือการอักเสบของเส้นประสาท
  • โรคทางระบบ : เช่น โรคกระดูกพรุน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือมะเร็งที่แพร่กระจายมายังกระดูกสันหลัง
  • ปัจจัยทางจิตใจ : ความเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล สามารถเพิ่มความรุนแรงของอาการปวดหรือทำให้อาการปวดเรื้อรังมากขึ้น


เทคโนโลยีฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (SCS) คืออะไร

เทคโนโลยีฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เป็นวิธีการรักษารูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดหลัง หรือปวดจากเส้นประสาท ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานอื่นๆ เช่น การใช้ยา หรือกายภาพบำบัด วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเข้าไปในร่างกาย เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อนๆ ไปยังบริเวณไขสันหลัง 

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า SCS ไม่ใช่การรักษาให้หายขาดจากอาการปวด แต่เป็นเครื่องมือที่ จัดการ กับความปวดเรื้อรัง เป้าหมายหลักคือการลดความรุนแรงของอาการปวดลงให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ลดความทรมานจากอาการปวด ทำให้สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เมื่ออาการปวดลดลง ผู้ป่วยมักจะเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกมากขึ้น ลดปัญหาการตื่นกลางดึกเนื่องจากอาการปวด อาจช่วยให้ผู้ป่วยลดปริมาณหรือความถี่ในการใช้ยาแก้ปวดลงได้


การทำงานของเทคโนโลยีกระตุ้นไฟฟ้าบรรเทาความปวด

เทคโนโลยีกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้า (Spinal Cord Stimulation - SCS) ทำงานโดยการส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไปยังบริเวณไขสันหลัง หลักการทำงานคือการเข้าไปรบกวนหรือ ปิดกั้นสัญญาณความเจ็บปวด ที่เดินทางจากไขสันหลังไปยังสมอง ทำให้สมองรับรู้ความเจ็บปวดลดลง บางครั้งอาจเปลี่ยนความรู้สึกปวดเป็นความรู้สึกสั่นเบาๆ แทน หรือในเทคโนโลยีรุ่นใหม่อาจไม่มีความรู้สึกใดๆ เกิดขึ้นเลย กระบวนการรักษาด้วยวิธีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ

1. ระยะทดลองใช้อุปกรณ์

ก่อนการตัดสินใจฝังอุปกรณ์ถาวร ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการทดลองติดเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าแบบชั่วคราวก่อน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ขั้นตอนนี้มีเป้าหมายเพื่อประเมินว่าร่างกายของผู้ป่วยตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้ดีเพียงใด โดยทั่วไปแพทย์คาดหวังว่าอาการปวดจะลดลงประมาณ 50-100% ในช่วงทดลองนี้

  • ขั้นตอนการใส่เครื่องทดลอง : แพทย์จะสอดสายอิเล็กโทรด ขนาดเล็กเข้าไปในช่องรอบไขสันหลัง  โดยใช้เข็มนำทาง เพื่อให้สามารถวางสายได้อย่างแม่นยำ อาจเลือกใช้สายแบบเข็มนำ  หรือแบบแผ่น สายนี้จะเชื่อมต่อกับเครื่องกระตุ้นและแบตเตอรี่ที่อยู่ภายนอกร่างกาย

  • ระหว่างทำหัตถการ : ผู้ป่วยจะได้รับยาชาเฉพาะที่และอาจได้รับยาคลายกังวลหรือดมยาสลบในบางราย เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ในบางช่วง แพทย์อาจปลุกผู้ป่วยชั่วคราวเพื่อสอบถามถึงตำแหน่งและความรู้สึกที่ได้รับการกระตุ้น เพื่อหาตำแหน่งที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการปวด ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 30-90 นาที

  • หลังทำหัตถการ : ทีมแพทย์จะปรับตั้งค่าการกระตุ้นให้เหมาะสมกับอาการปวดของผู้ป่วย และให้คำแนะนำการใช้งาน ผู้ป่วยจะถูกขอให้จดบันทึกระดับความปวดและกิจกรรมที่ทำได้ในช่วงทดลองนี้ สิ่งสำคัญคือต้องดูแลแผลให้สะอาดและแห้งตลอดเวลา โดยหลีกเลี่ยงการอาบน้ำหรือแช่น้ำ ให้ใช้การเช็ดตัวแทน แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดตามปกติไปก่อน ระยะเวลาทดลองโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7-10 วัน

 

2. ระยะผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นถาวร

หากผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจและอาการปวดลดลงอย่างชัดเจน แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นแบบถาวร 

  • ขั้นตอนการฝังเครื่องถาวร : กระบวนการฝังสายอิเล็กโทรดจะคล้ายกับการทดลอง แต่สายจะถูกสอดไว้ใต้ผิวหนังและเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ซึ่งจะถูกฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณสะโพก หลังส่วนล่าง หรือหน้าท้อง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม การผ่าตัดฝังเครื่องมักใช้ยาชาเฉพาะที่และอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นในบางกรณี

  • การดูแลหลังผ่าตัด : หลังการผ่าตัดฝังเครื่องถาวร ผู้ป่วยจำเป็นต้องจำกัดการเคลื่อนไหวบางอย่าง เช่น การบิดตัว เอี้ยวตัว หรือยกของหนัก ในช่วง 6-8 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันไม่ให้สายอิเล็กโทรดเคลื่อนที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาฃ


ผู้ที่เหมาะสมกับการรักษาด้วย SCS

การตัดสินใจเลือกใช้วิธีการรักษาด้วย SCS จำเป็นต้องผ่านการประเมินอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงอาจมีการทดลองฝังเครื่องกระตุ้นชั่วคราวก่อน เพื่อประเมินการตอบสนองต่อการรักษา โดยกลุ่มอาการที่อาจพิจารณาใช้การรักษาด้วย SCS ได้แก่

  • อาการปวดหลังเรื้อรังหลังผ่าตัด (Failed Back Surgery Syndrome - FBSS) : คือภาวะที่ผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดหลัง หรือมีอาการปวดเกิดขึ้นใหม่ แม้ว่าจะเคยได้รับการผ่าตัดกระดูกสันหลังเพื่อรักษาอาการปวดนั้นๆ มาแล้วก็ตาม SCS สามารถเป็นทางเลือกในการช่วยควบคุมอาการปวดเรื้อรังในกลุ่มผู้ป่วยนี้ได้


  • อาการปวดเฉพาะที่ซับซ้อน (Complex Regional Pain Syndrome - CRPS) : เป็นกลุ่มอาการปวดเรื้อรังที่มีลักษณะซับซ้อน มักเกิดขึ้นที่แขนหรือขาหลังจากได้รับบาดเจ็บ การผ่าตัด หรือโรคบางอย่าง โดยมีความรุนแรงของอาการปวดที่ไม่สมเหตุสมผลกับสาเหตุเริ่มต้น SCS อาจช่วยบรรเทาอาการปวดรุนแรงในภาวะนี้ได้


  • อาการปวดจากระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Neuropathy) : เป็นอาการปวดที่เกิดจากความเสียหายหรือการทำงานผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจมีสาเหตุได้หลากหลาย เช่น จากโรคเบาหวาน หรือการบาดเจ็บของเส้นประสาท


  • อาการปวดแขนขาจากการขาดเลือด (Ischemic Limb Pain) : เกิดจากภาวะที่เลือดไปเลี้ยงแขนหรือขาไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการปวดเนื่องจากเนื้อเยื่อและเส้นประสาทขาดเลือด มักพบในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบรุนแรง หรือภาวะขาดเลือดที่ขาเรื้อรังขั้นวิกฤต ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือดได้ SCS อาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยจัดการกับอาการปวดเรื้อรังที่เกิดจากภาวะนี้


ข้อควรระวังและผลข้างเคียงหลังการรักษา

เพื่อให้การรักษาด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (SCS) ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ป่วยควรใส่ใจดูแลตนเองและสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เคลื่อนที่ ควรปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหวและกิจกรรมในช่วงแรกหลังการผ่าตัด ดังนี้

  • การเคลื่อนไหวแขน : หากตำแหน่งที่ฝังเครื่องอยู่ใกล้บริเวณกระดูกไหปลาร้า ควรหลีกเลี่ยงการยกแขนข้างนั้นขึ้นสูงเหนือศีรษะในช่วงแรกตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของสายนำสัญญาณ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาและขอบเขตการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม

  • การเคลื่อนไหวลำตัว : ในช่วงพักฟื้นระยะแรก ควรหลีกเลี่ยงการก้มตัว เงยหน้า หรือบิดเอี้ยวตัวอย่างรุนแรงและกะทันหัน รวมถึงการยืดเหยียดลำตัวมากเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของเครื่องและสายนำสัญญาณที่ฝังไว้บริเวณไขสันหลัง

  • การยกของ : ห้ามยกของที่มีน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัมในช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน หรือนานกว่านั้นตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฝังเครื่องได้ฟื้นตัวเต็มที่และลดความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะเคลื่อนที่

  • การนั่ง : ควรหลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหากเครื่องถูกฝังบริเวณสะโพกหรือบั้นท้าย ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อลดแรงกดทับบริเวณที่ฝังเครื่อง


ท้ายบทความ

แม้ว่าการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าจะเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย แต่ก็อาจมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงบางประการเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ (แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย) ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างเคร่งครัด เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ก่อนไปวันนี้เราก็ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพดี ไม่มีอาการป่วยใดๆ มารบกวนชีวิต


บทความที่เกี่ยวข้อง
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 ส.ค. 2025
ปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, หมอนาตยา
อาการปวดท้องน้อยจากการมีประจำเดือน Primary Dysmenorrhea เกิดจากการสร้างสาร prostaglandin มากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวรุนแรง เกิดอาการปวดเกร็ง ถ่ายเหลว หรือคลื่นไส้
21 ส.ค. 2025
เทนนิส, กีฬา, เซเปี้ยนซ์
โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ ในฐานะผู้นำด้านเวชศาสตร์การกีฬาและการระงับปวดเฉพาะทาง มองเห็นว่า การรักษาที่ดี ต้องเริ่มจากความเข้าใจ biomechanic และ pain pathway ที่ถูกต้อง
4 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy