นวดช่วยได้ไหม? วิธีแก้ปวดไหล่ ต้นคอ แบบธรรมชาติที่ได้ผล
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะยุคนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอและทำงานในออฟฟิศเป็นเวลานาน ยังไม่หมดพอกลับมาบ้านก็ก้มดูหน้าจอ ดูมือถือ ก่อนนอนก็นอนหงายดูจออีก บางคนนอนเอียงคอดูจอวิธีการดำเนินชีวิตแบบนี้แทบจะเป็นเรื่องทั่วไปในยุคนี้ เราอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน หรือมีความเครียดสะสม กล้ามเนื้อเหล่านี้ก็จะเกิดการเกร็งตัวและอักเสบ นี้เป็นกลไกของอาการปวดเมื่อย คนไทยเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีนวด ไปร้านนวด หรือใช้ให้เพื่อนร่วมงานนวดให้ ใช้ให้ลูกนวดให้ ในทางการแพทย์การนวดแบบนี้ดีหรือไม่ดียังไง เรามาหาคำตอบในวันนี้กัน
ทำความเข้าใจอาการปวดไหล่และต้นคอ
สาเหตุหลักๆ ที่พบได้บ่อยสำหรับคนที่มีอาการปวดไหล่และต้นคอ มาจากสาเหตุหลากหลายที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง การนอนหมอนสูงเกินไป หรือการนอนคว่ำเป็นประจำ หรือแม้แต่ความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่หดเกร็งได้ อีกหนึ่งสาเหตุคือมาจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การตกหมอน หรือการเล่นกีฬาที่ไม่ถูกต้องก็เป็นสาเหตุที่พบได้เช่นกัน
ในบางกรณีก็มาจากโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ก็อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดได้เช่นกัน แต่หากตามจำนวนก็มาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมในชีวิตเมื่อเราทำงานนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่เกิดการหดเกร็ง ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดไหล่และต้นคอในกลุ่มคนทำงาน เราจะมาลงรายละเอียดในเนื้อหาส่วนต่อไป
สาเหตุของอาการปวดไหล่และต้นคอ
ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการบำบัดอาการปวด เราควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดไหล่และต้นคอก่อน เพื่อที่จะสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างถูกต้องตรงจุด สาเหตุหลักๆ ของอาการปวดไหล่และต้นคอมีดังนี้
1. ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น การก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ การนั่งพิงพนักเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม หรือการนอนหมอนสูงหรือต่ำเกินไป ล้วนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ต้องทำงานหนักเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดและปวดเมื่อยได้
2. การทำงานกล้ามเนื้อซ้ำๆ
การทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ เป็นเวลานาน เช่น การพิมพ์คอมพิวเตอร์ การขับรถเป็นเวลานาน หรือการทำงานที่ต้องยกของหนัก ล้วนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการล้าและอักเสบได้
3. ความเครียดและอารมณ์
ความเครียดและอารมณ์ทางลบ เช่น ความวิตกกังวล ความโกรธ หรือความกดดัน ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและตึงตัว โดยเฉพาะบริเวณต้นคอและไหล่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มักจะสะสมความเครียดมากที่สุด
4. การบาดเจ็บ
การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา เช่น การชนกระแทก การล้ม หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่า สามารถทำให้เกิดการอักเสบและปวดบริเวณคอและไหล่ได้
5. โรคทางการแพทย์
โรคบางชนิด เช่น กระดูกทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือโรคข้อเสื่อม อาจทำให้เกิดอาการปวดไหล่และต้นคอได้เช่นกัน
การนวดบรรเทาอาการปวดไหล่และต้นคอ
การนวดเป็นวิธีการบำบัดอาการปวดไหล่และต้นคอที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นที่นิยมมากแม้แต่ในหมู่วัยรุ่นที่พึ่งเริ่มทำงาน ปัจจุบันก็เริ่มเข้าร้านนวดแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อผ่อนคล้าย ประโยชน์หลักๆ ของการนวดคือเป็นการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยลดความเจ็บปวด การนวดยังช่วยผ่อนคลายความเครียดและส่งเสริมการพักผ่อนที่ดีอีกด้วย
หลักการของการนวดว่าทำไมบรรเทาอาการปวดไหล่และต้นคอ
การนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดไหล่และต้นคอมีพื้นฐานจากหลักการทางกายภาพบำบัดและการจัดการกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อน โดยใช้เทคนิคที่หลากหลายเพื่อช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกาย
- ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ : การนวดช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดไหล่และต้นคอ โดยเป็นการใช้การกดและคลายกล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
- กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต : การนวดช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดในบริเวณที่มีอาการปวด ทำให้สารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบและเร่งกระบวนการฟื้นฟู
- ปรับสมดุลระบบประสาท : การนวดสามารถเปลี่ยนระบบประสาทไปเป็นโหมดผ่อนคลาย ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดทางจิตใจที่สุดท้ายแล้วจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อของคุณ
- กระตุ้นสารเคมีในสมอง : การนวดช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทนินและเอ็นโดรฟินในสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเจ็บปวดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย
ข้อควรระวังในการนวด
- ไม่ควรนวดบริเวณที่มีการบาดเจ็บรุนแรง เช่น กระดูกหัก กล้ามเนื้อฉีกขาด หรือมีแผลเปิด
- ไม่ควรนวดบริเวณที่มีการอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บปวดมาก
- ไม่ควรนวดแรงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติมได้
- ไม่ควรนวดบริเวณที่มีหลอดเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง เช่น ข้างลำคอ
- ไม่ควรนวดหากมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคกระดูกพรุน โรคเลือดออกง่าย หรือมีก้อนที่ไม่ทราบสาเหตุ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
สรุปแล้วการนวดสามารถรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ได้จริงหรือไม่?
การนวดสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากความตึงของกล้ามเนื้อได้ โดยช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด คลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง และลดความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม การนวดอาจไม่เหมาะสำหรับทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการอักเสบเฉียบพลัน กระดูกหัก หรือมีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง นอกจากนี้ หากอาการปวดเกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้าง เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกระดูกงอก การนวดอาจช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราวแต่ไม่สามารถแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงได้ ดังนั้นแม้เราเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่ปกติ การพบแพทย์และได้รับการรักษาที่เหมาะสมก็จะยังคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตปกติดีได้
