แชร์

ปวดคอ วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ จากการใช้งานหรือท่าทางผิด

อัพเดทล่าสุด: 8 เม.ย. 2025

          หากช่วงนี้คุณเริ่มรู้สึก ปวดคอ ปวดตึงที่คอบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนตื่นนอน ระหว่างทำงาน หรือแม้แต่ขณะพักผ่อน อาการปวดคอกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยขึ้นในยุคนี้ ถือเป็นอาการยอดนิยมของคนไทยโดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือก้มหน้าดูสมาร์ทโฟน ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับอาการปวดคอที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต บางคนถึงขั้นนอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ หรือหงุดหงิดง่ายเพราะความไม่สบายตัว แต่หลายคนกลับมองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้และปล่อยให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง บทความวันนี้เราจึงอยากเขียนเพื่อให้คุณได้ เข้าใจสาเหตุและรู้วิธีป้องกันที่ถูกต้อง คุณก็สามารถบรรเทาอาการและกลับมามีคอที่แข็งแรงได้อีกครั้ง

สาเหตุของอาการปวดคอที่มาจากการใช้งานหรือท่าทางผิด

อาการปวดคอที่เกิดจากการใช้งานหรือท่าทางที่ไม่ถูกต้องนั้น มักเป็นผลมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เราอาจไม่ทันสังเกต การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดคอจะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและป้องกันปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยสาเหตุหลักมักมาจากสองปัจจัยสำคัญ คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เหมาะสม

พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพกระดูกและกล้ามเนื้อคอของเรา การก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อคอต้องรับน้ำหนักของศีรษะในองศาที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดตึงที่คอและบ่า ในขณะที่การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น การยื่นคอไปด้านหน้า หรือเงยหน้ามากเกินไป ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดคอเช่นกัน
การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้หมอนที่สูงหรือต่ำเกินไป การนอนคว่ำ หรือการนอนตะแคงโดยไม่มีหมอนรองคอที่เหมาะสม ล้วนส่งผลให้กระดูกคอและกล้ามเนื้อทำงานผิดธรรมชาติ นอกจากนี้ การยกของหนักผิดวิธี โดยไม่ระมัดระวังการทรงตัวและการกระจายน้ำหนัก ก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อคอได้เช่นกัน

สภาพแวดล้อมการทำงาน 

สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เหมาะสมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพคอของเรา โต๊ะทำงานที่สูงหรือต่ำเกินไป เก้าอี้ที่ไม่รองรับสรีระอย่างเหมาะสม และการจัดวางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ล้วนบังคับให้เราต้องอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน แสงสว่างที่ไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องก้มหน้าหรือเงยหน้ามากเกินไปเพื่อมองเห็นหน้าจอหรือเอกสาร ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอต้องทำงานหนักและเกิดอาการปวดในที่สุด
การใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังอย่างเหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอาการปวดคอ เก้าอี้ที่ดีควรมีพนักพิงที่รองรับแนวกระดูกสันหลังและคอ สามารถปรับระดับความสูงได้ และมีที่วางแขนที่ช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อคอและบ่า


วิธีป้องกันอาการปวดคอจากการปรับท่าทางให้ถูกต้อง

การยืนและเดินอย่างถูกวิธี

การรักษาท่าทางที่ถูกต้องขณะยืนและเดินเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันอาการปวดคอ ควรยืนตัวตรง ไหล่ผ่อนคลาย และศีรษะตั้งตรงในแนวเดียวกับลำตัว ขณะเดิน ให้มองตรงไปข้างหน้า ไม่ก้มหน้าหรือเงยหน้ามากเกินไป การรักษาท่าทางเช่นนี้จะช่วยกระจายน้ำหนักของศีรษะลงสู่กระดูกสันหลังอย่างสมดุล ลดแรงกดทับที่กล้ามเนื้อคอต้องรับ

การใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต

การใช้อุปกรณ์มือถืออย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล ควรยกอุปกรณ์ให้อยู่ในระดับสายตา แทนที่จะก้มคอลงมอง การใช้ที่วางโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตสามารถช่วยให้คุณรักษาท่าทางที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรหยุดพักการใช้งานเป็นระยะเพื่อให้กล้ามเนื้อคอได้ผ่อนคลาย

การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์

สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การจัดท่านั่งให้ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรนั่งหลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย ไม่ห่อหรือยกสูง ปรับความสูงของจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อให้คอและศีรษะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ การใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลังจะช่วยลดความเครียดที่กล้ามเนื้อคอและหลังต้องแบกรับ 

วิธีป้องกันอาการปวดคอจากการออกกำลังกาย 

การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันและบรรเทาอาการปวดคอ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการไหลเวียนของเลือดบริเวณคอและบ่าไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวดเมื่อยและการบาดเจ็บ

การบริหารคอและไหล่อย่างถูกวิธี

การบริหารคอและไหล่ควรทำอย่างนุ่มนวลและค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการหมุนคอช้าๆ ในแนวนอน การเอียงคอไปด้านข้างสลับซ้ายขวา และการก้มเงยคออย่างช้าๆ ควรทำวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที โดยหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงหรือกระชากกะทันหัน

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อประจำวัน

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำทุกวันช่วยรักษาความยืดหยุ่นและป้องกันการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ควรทำอย่างน้อยวันละ 10-15 นาที โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอนและก่อนนอน เน้นการยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า และหลังส่วนบน ด้วยท่าที่ไม่กดดันข้อต่อมากเกินไป

กิจกรรมเสริมความแข็งแรงแกนกลางร่างกาย

การมีแกนกลางร่างกายที่แข็งแรงช่วยรักษาท่าทางที่ถูกต้องและลดภาระที่กดทับบนกระดูกคอ กิจกรรมเช่น พิลาทิส การเดิน หรือว่ายน้ำ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง

โยคะเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

โยคะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการหายใจควบคู่กับการเคลื่อนไหว ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อคอและบ่า ท่าโยคะพื้นฐานที่เหมาะสำหรับผู้มีอาการปวดคอ เช่น ท่าแมว-วัว ท่าเด็ก และท่าบิดตัว ควรฝึกภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญในช่วงแรก เพื่อให้มั่นใจว่าทำท่าได้ถูกต้องและปลอดภัย


วิธีป้องกันอาการปวดคอจากการฝึกนิสัยที่ดี 

การฝึกนิสัยที่ดีเป็นวิธีป้องกันอาการปวดคอที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว โดยเริ่มจากการไม่อยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมงโดยไม่ลุกเดิน ควรตั้งนาฬิกาเตือนให้ลุกยืดเส้นทุก 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดความตึงของกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายหรือยกของหนักควรทำอย่างถูกวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่คอและหลัง สุดท้าย การจัดการความเครียดเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากความเครียดสะสมอาจทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดคอ การฝึกเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิ จะช่วยลดความตึงเครียดและป้องกันอาการปวดคอได้


สรุป

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทุกวัน สุขภาพคอของเราอาจเผชิญความท้าทายหนักขึ้น หากไม่เริ่มปรับพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ อย่าลืมว่า ท่าทางที่ดี คือรากฐานของร่างกายที่แข็งแรง ลองถามตัวเองว่าวันนี้คุณให้ความสำคัญกับการจัดท่านั่งหรือการพักคอบ้างแล้วหรือยัง? การสร้างวินัยเล็ก ๆ อย่างการยืดเหยียดทุกชั่วโมง หรือเลือกหมอนให้เหมาะกับสรีระ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คุณหลุดพ้นจากวงจรปวดคอเรื้อรัง อยากให้บทความนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการใส่ใจตัวเองมากขึ้น ถ้ามีประโยชน์อย่าลืมส่งต่อเคล็ดลับดี ๆ นี้ให้คนที่คุณรัก เพราะสุขภาพที่ดี...เริ่มได้จากตัวเราเองเสมอ ร่างกายไม่ใช่หุ่นยนต์ ดูแลวันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ไร้ความปวด


บทความที่เกี่ยวข้อง
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 ส.ค. 2025
ปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, หมอนาตยา
อาการปวดท้องน้อยจากการมีประจำเดือน Primary Dysmenorrhea เกิดจากการสร้างสาร prostaglandin มากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวรุนแรง เกิดอาการปวดเกร็ง ถ่ายเหลว หรือคลื่นไส้
21 ส.ค. 2025
เทนนิส, กีฬา, เซเปี้ยนซ์
โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ ในฐานะผู้นำด้านเวชศาสตร์การกีฬาและการระงับปวดเฉพาะทาง มองเห็นว่า การรักษาที่ดี ต้องเริ่มจากความเข้าใจ biomechanic และ pain pathway ที่ถูกต้อง
4 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy