Share

สัญญาณเตือนโรคข้อเข่าเสื่อม อาการ ระยะของโรค ที่คุณควรรู้

Last updated: 13 Feb 2025

     โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาสุขภาพที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ความจริงแล้วมันสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเสื่อมของข้อเข่า การรู้จักอาการเบื้องต้นและแนวทางการรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

หากคุณหรือคนใกล้ตัวเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและรับมือกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะอาการสัญญาณเตือนโรคข้อเข่าเสื่อม

อาการเริ่มต้นของโรคข้อเข่าเสื่อมอาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่สามารถเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาที่ใหญ่กว่าได้ หากพบอาการเหล่านี้ ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ:

  1. ข้อเข่าฝืด: รู้สึกข้อเข่าแข็งตึง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือหลังจากนั่งท่าเดิมนานๆ อาการจะดีขึ้นเมื่อเริ่มขยับข้อเข่า
  2. เสียงในข้อเข่า: เมื่อเคลื่อนไหว อาจได้ยินเสียงกรอบแกรบหรือเสียงคลิกในข้อเข่า ซึ่งเป็นผลจากกระดูกอ่อนที่สึกหรอ
  3. ปวดข้อเข่า: อาการปวดมักเกิดขึ้นเมื่อเดิน ยืน หรือขึ้นลงบันได ในบางครั้งอาการปวดอาจลามไปถึงบริเวณต้นขาหรือหน้าแข้ง
  4. บวมแดง: หากข้อเข่าเริ่มบวมแดงหรือรู้สึกร้อน อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบที่ต้องรีบดูแล
  5. ข้อเข่าโก่งหรือผิดรูป: ในระยะที่รุนแรง อาจเริ่มเห็นข้อเข่าเปลี่ยนรูปทรง ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก

 

ระยะอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งออกได้ตามความรุนแรง ดังนี้

  1. ระยะเริ่มต้น (Stage 1)
    ในระยะนี้ กระดูกอ่อนในข้อเข่าเริ่มมีการเสื่อมเล็กน้อย แต่ยังไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวหรืออาการปวดมากนัก คนส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาในระยะนี้
  2. ระยะปานกลาง (Stage 2)
    อาการปวดเริ่มชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานข้อเข่าเป็นเวลานาน เช่น การเดินหรือวิ่ง อาจเริ่มมีเสียงกรอบแกรบในข้อเข่า
  3. ระยะรุนแรง (Stage 3)
    ในระยะนี้ กระดูกอ่อนเสื่อมลงมากจนข้อต่อเริ่มเสียดสีกัน อาการปวดจะเกิดขึ้นตลอดเวลาและส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน เช่น การขึ้นลงบันไดหรือการยืนเป็นเวลานาน
  4. ระยะวิกฤต (Stage 4)
    กระดูกข้อต่อเสียดสีกันโดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง การเคลื่อนไหวลำบากมากขึ้น บางคนอาจต้องใช้เครื่องช่วยเดิน หรือการผ่าตัดข้อเข่าเทียม


ระยะอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

โดยทั่วไปแล้ว โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ตามอาการที่เกิดขึ้นดังนี้:

  1. ระยะที่ 1: ทำงานทุกอย่างได้ตามปกติ
    ในระยะนี้ผู้ป่วยยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปกติ ไม่มีอาการปวดหรืออาการที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่สามารถเริ่มมีอาการเล็กน้อย เช่น อาการตึงของข้อเข่า หลังจากการใช้ข้อเข่าในระยะเวลานาน
  2. ระยะที่ 2: ทำงานหนักไม่ได้
    ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจเริ่มรู้สึกปวดเข่าหลังจากการใช้งานหรือทำกิจกรรมหนัก เช่น การยกของหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่มีแรงกดต่อข้อเข่า ข้อเข่าเริ่มแสดงอาการบวมเล็กน้อย หรือเกิดการอักเสบบ้าง ในระยะนี้จำเป็นต้องเริ่มดูแลข้อเข่าและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกดสูง เช่น การยืนนาน การเดินไกล หรือการปีนบันได
  3. ระยะที่ 3: ทำกิจวัตรประจำวันได้ยาก
    ในระยะนี้อาการปวดเข่าจะเริ่มรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยจะมีความยากลำบากในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดิน การขึ้นลงบันได การนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ข้อเข่าอาจเริ่มมีการเสื่อมสภาพที่ชัดเจน ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปได้ยากขึ้น
  4. ระยะที่ 4: เดินไม่ไหว
    ในระยะนี้ข้อเข่าเสื่อมรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ อาการปวดเข่าจะรุนแรงมากจนไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้เลย เช่น การเดินหรือยืน ผู้ป่วยอาจต้องใช้ไม้เท้าหรืออุปกรณ์ช่วยในการเดินเพื่อประคองการเคลื่อนไหว


แนวทางการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

แม้ว่าโรคข้อเข่าเสื่อมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดูแลรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการและชะลอการเสื่อมของข้อเข่าได้

  1. การใช้ยา
    ยาลดปวดและยาลดการอักเสบเป็นตัวช่วยหลักในการบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน หรือยากลุ่ม NSAIDs นอกจากนี้ อาจมีการแนะนำอาหารเสริมสำหรับข้อเข่า เช่น กลูโคซามีนหรือคอลลาเจน
  2. การกายภาพบำบัด
    การบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น การยืดกล้ามเนื้อ หรือการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่า จะช่วยลดแรงกดที่ข้อเข่าและเพิ่มความยืดหยุ่น
  3. การฉีดยาเข้าข้อเข่า
    การฉีดกรดไฮยาลูโรนิก หรือพลาสม่าที่อุดมด้วยเกล็ดเลือด (PRP) จะช่วยเพิ่มความหล่อลื่นและลดการอักเสบในข้อเข่า
  4. การผ่าตัด
    ในกรณีที่การรักษาแบบอื่นไม่ได้ผล การผ่าตัดข้อเข่าเทียมจะช่วยคืนความสามารถในการเคลื่อนไหวและลดอาการปวดอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามทาง โรงพยาบาลเซเปี้ยนส์ ไม่แนะนำให้ผ่าตัดโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ แนะนำให้ใช้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ก่อน เนื่องจากการผ่าตัดอาจจะมีความเสี่ยงในระยะยาวเกี่ยวกับการช้ำของเนื้อเยื่อ (Tissue scar)

 

การป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม

แม้ว่าโรคข้อเข่าเสื่อมจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอายุ แต่การปรับพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้:

  • ควบคุมน้ำหนัก: การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
  • หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ: หากต้องทำกิจกรรมที่มีแรงกระแทก เช่น การวิ่ง ควรสวมรองเท้าที่ช่วยลดแรงกระแทก
  • หลีกเลี่ยงการนั่งยอง: การนั่งยองๆ เป็นเวลานานส่งผลให้ข้อเข่ารับน้ำหนักเพิ่ม

โรคข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนและการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณรักษาคุณภาพชีวิตและเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ


Related Content
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 Aug 2025
Spinal Cord Stimulation, SCS, การกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้า, เซเปี้ยนซ์, sapienspainhospital, sapiens
An advanced innovation for chronic pain relief, restoring your quality of life and the joy of movement through spinal cord stimulation technology
8 Oct 2025
Failed Back Surgery Syndrome , FBSS, ปวดร้าวลงขาหลัง, ปวดหลังผ่าตัด, ปวดหลัง
Have you ever had back surgery, but the pain still remains — or comes back not long after the operation? This condition isn’t uncommon. It’s known as “Failed Back Surgery Syndrome (FBSS).
8 Oct 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy