ปวดคอ ท้ายทอย อาการที่สะท้อนถึงปัญหากระดูกและกล้ามเนื้อ
อาการปวดคอและท้ายทอยไม่ใช่เพียงแค่ความไม่สบายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่แท้จริงแล้วมันสะท้อนถึงสภาวะที่ซับซ้อนในระบบกระดูกและกล้ามเนื้อของร่างกาย หากคุณเคยรู้สึกปวดจี๊ดๆ หรือปวดตุบๆ ในบริเวณท้ายทอย คุณอาจกำลังเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือแม้กระทั่งกระดูกสันหลังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องท้ายสุดก็จะทำให้เกิดอาการที่หนักตามมาได้เนื้อหาบทความนี้จะพาทุกคนไปดูสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาการปวดคอและท้ายทอย จะมีอะไรบ้างนั้นติดตามกันได้
มารู้จักกายวิภาคของคอและท้ายทอย
เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดคอและท้ายทอยได้ดียิ่งขึ้น ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างและกายวิภาคของบริเวณคอและท้ายทอยก่อน
โครงสร้างกระดูกคอ
- กระดูกคอประกอบด้วยกระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Vertebrae) จำนวน 7 ชิ้น เรียกว่า C1-C7 แต่ละชิ้นมีลักษณะเฉพาะและทำหน้าที่แตกต่างกัน
- C1 (กระดูกแอตลาส) - รองรับน้ำหนักของกะโหลกศีรษะ ช่วยให้สามารถส่ายหน้าได้
- C2 (กระดูกแอกซิส) - มีปุ่มยื่นขึ้นไปสู่ C1 ทำให้สามารถหมุนศีรษะได้
- C3-C7 - ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและช่วยในการเคลื่อนไหวของคอ
- ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละชิ้นจะมีหมอนรองกระดูก (Intervertebral Discs) ทำหน้าที่เป็นเบาะรองรับแรงกระแทกและช่วยให้คอสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวล
กล้ามเนื้อบริเวณคอและท้ายทอย
บริเวณคอและท้ายทอยมีกล้ามเนื้อมากมายที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและรักษาความมั่นคงของศีรษะ กล้ามเนื้อสำคัญในบริเวณนี้ กล้ามเนื้อทราพีเซียสที่เชื่อมต่อจากกะโหลกศีรษะลงไปยังกระดูกสะบักและกระดูกสันหลัง ช่วยในการยกไหล่และหมุนศีรษะ ,กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid ที่อยู่ด้านข้างของคอ ช่วยในการหันศีรษะและก้มศีรษะ ,กล้ามเนื้อ Splenius อยู่ที่ด้านหลังของคอ ช่วยในการเงยหน้าและหมุนศีรษะ และสุดท้ายกล้ามเนื้อ Levator Scapulae ที่จะเชื่อมต่อจากกระดูกคอไปยังกระดูกสะบัก ช่วยในการยกกระดูกสะบัก
เส้นประสาทและหลอดเลือด
- เส้นประสาทสมองคู่ที่ 11 (Accessory Nerve) : ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อทราพีเซียสและสเตอร์โนไคลโดมาสตอยด์
- เส้นประสาทไขสันหลังส่วนคอ (Cervical Spinal Nerves) : มีทั้งหมด 8 คู่ ทำหน้าที่รับความรู้สึกและควบคุมการเคลื่อนไหวของคอและแขน
- หลอดเลือดแดงคาโรติด (Carotid Arteries) : ส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง
- หลอดเลือดแดงเวอร์ทีบรัล (Vertebral Arteries) : ผ่านทางกระดูกคอและส่งเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลัง
อาการปวดคอและท้ายทอยแสดงออกมาอย่างไร
- ปวดตื้อๆ บริเวณคอและท้ายทอย
- ปวดร้าวไปยังศีรษะ ไหล่ หรือแขน
- คอขยับลำบาก หรือรู้สึกฝืด
- กล้ามเนื้อคอและไหล่เกร็งและตึง
- ปวดเมื่อขยับศีรษะหรือคอ
- ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย
สาเหตุของอาการปวดคอและท้ายทอย
1. อิริยาบถไม่เหมาะสม
การอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น การก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือ (Text Neck) การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการพักหรือปรับเปลี่ยนท่าทาง และการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น หมอนสูงหรือต่ำเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อคอและท้ายทอยต้องทำงานหนักเพื่อรักษาตำแหน่งของศีรษะ ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้
2. ความเครียดและความวิตกกังวล
ความเครียดและความวิตกกังวลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่เกร็งตัว เมื่อเกร็งตัวเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการปวดได้ บางคนเมื่อเครียดจะมีอาการขบฟัน ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อขากรรไกรและคอตึงเครียดได้เช่นกัน
3. การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุรถยนต์ ,ล้ม หรือการกระแทกบริเวณศีรษะและคอ สามารถทำให้เกิดอาการปวดคอและท้ายทอยได้ทันที หรือในบางกรณีอาจเกิดอาการหลังจากเกิดอุบัติเหตุไปแล้วหลายวัน
4. โรคข้อเสื่อม
เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกและข้อต่อในร่างกายจะเกิดการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ ในกรณีของกระดูกคอ เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพจะทำให้เกิดการอักเสบและการสร้างกระดูกงอก ซึ่งไปกดทับเส้นประสาทและเนื้อเยื่ออ่อนในบริเวณนั้น ทำให้เกิดอาการปวดคอและท้ายทอย
5. หมอนรองกระดูกเคลื่อน
หมอนรองกระดูกทำหน้าที่เป็นเบาะรองรับแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลัง เมื่อเกิดการเคลื่อนหรือปลิ้นออกมาจากตำแหน่งปกติ จะไปกดทับเส้นประสาทที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการปวดร้าวจากคอลงไปยังไหล่และแขน บางรายอาจมีอาการชาร่วมด้วย
6. โรคกระดูกสันหลังตีบ
เป็นภาวะที่ช่องกระดูกสันหลังส่วนคอแคบลง ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง มักพบในผู้สูงอายุ และอาจทำให้เกิดอาการปวดคอ ท้ายทอย และมีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนและขาร่วมด้วย
7. เกิดจากสาเหตุอื่นๆ
เช่นภาวะเนื้องอกหรือมะเร็ง แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่เนื้องอกหรือมะเร็งที่เกิดขึ้นในบริเวณกระดูกสันหลัง เส้นประสาท หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ ในบริเวณคอ ก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดคอและท้ายทอยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไปได้ อาการปวดศีรษะบางประเภทมักมีอาการปวดร้าวลงมาที่คอและท้ายทอย ที่เจอบ่อยๆ เช่นไมเกรน และปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ ซึ่งมักจะมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวและปวดร้าวลงมาที่คอและท้ายทอยเช่นกัน ในบางกรณีภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทอัตโนมัติ สามารถทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณคอและท้ายทอยได้
อาการปวดคอและท้ายทอยอย่างไรที่เราควรพบแพทย์
- ปวดคอและท้ายทอยรุนแรงหลังได้รับบาดเจ็บ
- มีอาการชา อ่อนแรง หรือรู้สึกเสียวซ่าที่แขนหรือขา
- ปวดคอร่วมกับมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง
- ปวดคอที่ไม่ดีขึ้นหลังจากพักผ่อนหรือใช้ยาแก้ปวดทั่วไป
- มีปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายหรือปัสสาวะ
- มีปัญหาด้านการทรงตัวหรือการเดิน
- อาการปวดที่แย่ลงเมื่อนอนราบ
เราจะป้องกันและดูแลตัวอย่างไรให้ห่างไกลจากอาการปวดคอและท้ายทอย
การป้องกันและดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นจากการจัดท่าทางให้ถูกต้อง ทั้งในการนั่งทำงาน โดยให้หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตา นั่งตัวตรง และใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังและคออย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือโดยยกขึ้นระดับสายตาแทนการก้มมอง และเลือกท่านอนที่ถูกต้องพร้อมหมอนที่รองรับสรีระคอได้ดี
เพิ่มเติมคือให้เราออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งการยืดกล้ามเนื้อคอและไหล่ การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอและหลังส่วนบน อาจจะเล่นแอโรบิก หรือว่ายน้ำ ก็ช่วยได้เช่นกัน เราควรทำไปควบคู่กับการจัดการความเครียดด้วยเทคนิคผ่อนคลาย รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน การดูแลสุขภาพโดยรวม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมด้วยแคลเซียม วิตามินดี และสารต้านอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งส่งผลเสียต่อการไหลเวียนเลือดไปยังหมอนรองกระดูก
สรุป
ท้ายสุดวันนี้เราแนะนำว่าการป้องกันโรคภัยที่ดีที่สุดคือการไม่ให้เกิดโรคภัยขึ้นมาในตอนแรก ซึ่งจะเกิดได้จากวินัยของเราที่ทำได้ผ่านการดูแลสุขภาพที่ดี มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การจัดการความเครียด และการดูแลสุขภาพทั่วไป หากมีอาการปวดคอและท้ายทอยที่รุนแรง มีอาการแสดงของระบบประสาท หรืออาการที่ไม่ดีขึ้นหลังจากการรักษาเบื้องต้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม