Share

อาการเสพติดสารระงับปวด ปัญหาจากการใช้ยา และการรักษาแบบใหม่

Last updated: 24 Mar 2025

         ความเจ็บปวดเรื้อรังสามารถทำลายคุณภาพชีวิตได้อย่างสิ้นเชิง แต่วิธีที่เรามักใช้จัดการกับมันเช่นใช้ยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์ กลับนำไปสู่ปัญหาที่อันตรายยิ่งกว่า มีผู้คนหลายคนตกอยู่ในวงจรอันตรายของการเสพติดสารระงับปวด แต่ในปัจจุบันมีวิธีการที่ปลอดภัยกว่า เป็นการรักษาแบบไม่ใช้ยาที่จัดการกับต้นเหตุของความเจ็บปวดโดยตรง ไม่ใช่เพียงแค่บรรเทาอาการ วันนี้เรามาทำความเข้าใจอันตรายของการเสพติดสารระงับปวดและมาดูทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการใช้ชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดและการเสพติด


อาการเสพติดสารระงับปวดคืออะไร

อาการเสพติดสารระงับปวด (Opioid Addiction) หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า ภาวะใช้สารโอปิออยด์ผิดปกติ (Opioid Use Disorder) คือภาวะที่ร่างกายและจิตใจเกิดการพึ่งพาสารกลุ่มโอปิออยด์ซึ่งเป็นยาระงับปวดชนิดรุนแรง เป็นผลมาจากการใช้ยากลุ่มโอปิออยด์ ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์ช่วยลดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องหรือในปริมาณที่มากเกินไป อาจนำไปสู่การพึ่งพาทางร่างกายและจิตใจจนเกิดภาวะเสพติด ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้จะพบว่าตนเองไม่สามารถหยุดใช้ยาได้แม้ต้องการ มีความต้องการใช้ยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีอาการถอนยาเมื่อหยุดใช้ หากเพิ่มขนาดยาแก้ปวดไปเรื่อยๆ ผลสุดท้ายก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างรุนแรง

สาเหตุของการเสพติดสารระงับปวด

  • การใช้ยาต่อเนื่อง : การใช้ยากลุ่มโอปิออยด์เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง หรือหลังการผ่าตัด อาจนำไปสู่การเกิดความทนต่อยา (Tolerance) ทำให้ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อให้ได้ผลเช่นเดิม
  • กลไกทางสมอง : ยากลุ่มโอปิออยด์ส่งผลต่อสมองโดยกระตุ้นระบบรางวัล (Reward System) ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลายหรือมีความสุข เป็นเหตุให้เกิดความต้องการใช้ยาเพิ่มขึ้น

 

อาการของการเสพติดสารระงับปวด

การเสพติดสารระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์มักแสดงออกผ่านอาการทั้งทางกายภาพและทางจิตใจที่ชัดเจน ผู้ที่ติดยากลุ่มนี้จะแสดงอาการที่สังเกตได้หลายประการ เนื่องจากสารกลุ่มโอปิออยด์ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านการทำงานของร่างกายและพฤติกรรม


อาการเสพติดสารระงับปวดทางกายภาพ

อาการทางกายภาพที่พบในผู้ติดสารระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์เป็นผลมาจากการที่สารเหล่านี้กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกายหลายประการ ผู้ป่วยอาจแสดงอาการเหล่านี้เมื่อได้รับยาหรือเมื่อเกิดภาวะถอนยา โดยมีอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • รูม่านตาหดเล็ก : ผู้ติดสารระงับปวดมักมีรูม่านตาที่เล็กผิดปกติแม้อยู่ในที่มีแสงน้อย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการได้รับสารกลุ่มโอปิออยด์
  • การหายใจผิดปกติ : การหายใจช้าหรือตื้น เป็นอาการที่อันตรายและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด ระบบหายใจที่ถูกกดการทำงานอาจทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนและส่งผลกระทบต่อสมองได้
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร : ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องผูกอย่างรุนแรง เนื่องจากสารกลุ่มโอปิออยด์ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลงอย่างมาก
  • การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว : ผู้ติดยาอาจมีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วเนื่องจากเบื่ออาหารหรือหมกมุ่นกับการใช้ยาจนละเลยการรับประทานอาหาร หรือในบางรายอาจมีน้ำหนักเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงของเมตาบอลิซึม

 


อาการทางจิตใจและพฤติกรรมของการเสพติดสารระงับปวด

นอกจากอาการทางกายภาพแล้ว การเสพติดสารระงับปวดยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพจิตใจและพฤติกรรม เนื่องจากสารกลุ่มโอปิออยด์มีผลต่อระบบรางวัลในสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมอย่างเห็นได้ชัด

  • ความต้องการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง : ผู้ติดยาจะมีความต้องการใช้ยาแม้ไม่มีอาการปวดแล้ว หรือพยายามหาวิธีได้รับยาเพิ่มเติม เช่น การไปพบแพทย์หลายคนเพื่อขอใบสั่งยา หรือการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับอาการปวดเพื่อให้ได้รับยาเพิ่ม
  • ความแปรปรวนทางอารมณ์ : อารมณ์หงุดหงิดง่าย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ หรือมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ติดสารระงับปวด โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายต้องการยาหรือเมื่อเกิดภาวะถอนยา
  • การสูญเสียความสนใจ : ผู้ป่วยมักขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชื่นชอบหรือมีความสำคัญ เช่น งานอดิเรก กีฬา หรือแม้แต่การทำงานและความรับผิดชอบต่อครอบครัว เนื่องจากจิตใจจดจ่ออยู่กับการใช้ยาเป็นหลัก
  • การแยกตัวและพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ : การหลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนหรือครอบครัว การปกปิดหรือโกหกเกี่ยวกับการใช้ยา และการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหายาหรือใช้ยา เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงปัญหาการเสพติดที่รุนแรงขึ้น


ทางเลือกการรักษาอาการเจ็บปวดที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ใช้

การใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency Neurotomy)

เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงเป็นนวัตกรรมการรักษาที่ช่วยระงับสัญญาณความเจ็บปวดโดยตรงที่ต้นตอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดที่มีความเสี่ยงต่อการเสพติด วิธีการนี้ใช้คลื่นวิทยุเพื่อรบกวนสัญญาณความเจ็บปวดจากเส้นประสาท ทำให้สมองไม่สามารถรับรู้สัญญาณความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาด้วยเทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดหลังจากข้อต่อกระดูกสันหลังหรือกระดูกเชิงกราน ซึ่งสามารถลดอาการเจ็บปวดได้ยาวนานถึง 8-10 เดือน และสามารถทำซ้ำได้เมื่ออาการกลับมา

การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าข้อต่อหรือโพรงกระดูกสันหลัง

การฉีดยาสเตียรอยด์เป็นทางเลือกการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็วสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากการอักเสบ วิธีนี้ทำงานโดยตรงที่จุดที่มีการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้ การฉีดยาสเตียรอยด์เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดคอ ปวดหลัง หรือมีอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อน อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะสำหรับการบรรเทาอาการในระยะสั้น 

การทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy)

การทำกายภาพบำบัดเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาหลักที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ใช้ในการจัดการอาการปวด โดยเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อลดอาการปวดและป้องกันการกลับมาของอาการในระยะยาว

  • การใช้คลื่นกระแทก (Shock Wave Therapy) : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยเฉพาะในกรณีของอาการปวดจากข้อและเอ็น
  • เลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser Therapy) : ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดในระดับเซลล์
  • อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy) : ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดอาการบวม
  • การกระตุ้นประสาทด้วยไฟฟ้า (TENS) : ใช้กระแสไฟฟ้าระดับต่ำเพื่อรบกวนสัญญาณความเจ็บปวดและกระตุ้นการหลั่งสารระงับปวดธรรมชาติในร่างกาย

การจัดการความเจ็บปวดแบบองค์รวม

โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์เชื่อในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม โดยไม่เพียงมุ่งเน้นที่อาการทางกายเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงปัจจัยทางจิตใจและสังคมที่ส่งผลต่อการรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ป่วย การรักษาแบบองค์รวมช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
ทางเลือกในการรักษาแบบองค์รวมที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ให้บริการ ได้แก่:

  • โยคะบำบัด : ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรง และการผ่อนคลาย พร้อมทั้งส่งเสริมการหายใจที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดและอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การฝังเข็ม : เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่ช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนพลังงานในร่างกาย ส่งผลให้ลดอาการปวดและกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งเป็นสารระงับปวดธรรมชาติ
  • การนวดบำบัด : ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด เพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดอาการปวดจากกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผ่านโปรแกรมจิตบำบัด : เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการจัดการกับความคิดและพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการรับรู้ความเจ็บปวด

 

สรุป

การพึ่งพายาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์เพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ปัญหาการเสพติดที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ดังที่เราได้กล่าวมาแล้ว โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์เข้าใจถึงความท้าทายในการจัดการกับความเจ็บปวดโดยไม่ต้องพึ่งพายาที่มีความเสี่ยงต่อการเสพติด จึงได้พัฒนาแนวทางการรักษาที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของคุณอีกต่อไป


Related Content
Spinal Cord Stimulation, SCS, การกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้า, เซเปี้ยนซ์, sapienspainhospital, sapiens
An advanced innovation for chronic pain relief, restoring your quality of life and the joy of movement through spinal cord stimulation technology
8 Oct 2025
Failed Back Surgery Syndrome , FBSS, ปวดร้าวลงขาหลัง, ปวดหลังผ่าตัด, ปวดหลัง
Have you ever had back surgery, but the pain still remains — or comes back not long after the operation? This condition isn’t uncommon. It’s known as “Failed Back Surgery Syndrome (FBSS).
8 Oct 2025
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 Aug 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy