แชร์

ล้มหัวฟาดพื้น ปวดคอ วิธีเช็กอาการเบื้องต้นและการรักษา

อัพเดทล่าสุด: 28 พ.ค. 2025

เมื่อคุณล้มหัวฟาดพื้นจนรู้สึกปวดคอ เราอยากจะให้คุณไม่ใช่มองข้ามกับอาการดังกล่าวนี้ เพราะอาการที่คุณเจออาจจะมีตั้งแต่อาการทั่วไป จนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คุณคิดเพราะมันอาจนำไปสู่การบาดเจ็บของสมองหรือกระดูกสันหลังที่ส่งผลต่ออาการที่อาจจะอันตรายที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงอาการหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตคุณได้ เนื้อหาที่เราเขียนในวันนี้จะเป็นวิธีการตรวจเช็กอาการเบื้องต้น เพื่อให้คุณสามารถประเมินตัวเองได้ พร้อมแล้วไปดูกันเลย

 

การบาดเจ็บที่เกิดได้ขึ้นเมื่อเราหกล้ม

เมื่อเกิดเหตุการณ์ล้มหัวฟาดพื้น แรงกระแทกที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่บริเวณศีรษะเท่านั้น แต่อาจส่งแรงต่อไปยังกระดูกสันหลังส่วนคอ ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้หลากหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่เพียงเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

การบาดเจ็บที่ศีรษะ

การล้มจนศีรษะได้รับแรงกระแทกสามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้หลายลักษณะ ตั้งแต่อาการภายนอกไปจนถึงความเสียหายภายในสมอง สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่า อาการบาดเจ็บทางสมองบางอย่าง เช่น ภาวะเลือดคั่ง อาจไม่แสดงอาการให้เห็นในทันที แต่อาจปรากฏอาการขึ้นในหลายชั่วโมงหรือหลายวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ได้ ดังนั้นเราควรใส่ใจและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

  • บาดแผลที่หนังศีรษะ : อาจเป็นแผลถลอก แผลฉีกขาด หรือมีเลือดออกบริเวณหนังศีรษะ
  • หัวโนหรือหัวปูด : เกิดจากการบวมและมีเลือดคั่งใต้ผิวหนัง บริเวณที่ถูกกระแทกโดยตรง
  • กะโหลกศีรษะแตกร้าวหรือยุบ : อาจเกิดขึ้นได้หากแรงกระแทกมีความรุนแรงมากพอ
  • สมองกระทบกระเทือน : เป็นการบาดเจ็บที่ทำให้การทำงานของสมองหยุดชะงักชั่วคราว ซึ่งเป็นประเภทของการบาดเจ็บที่สมองที่พบบ่อย อาจมีอาการสับสน มึนงง ปวดศีรษะ หรือหมดสติไปชั่วขณะ
  • สมองช้ำ : เนื้อสมองเกิดการฟกช้ำจากแรงกระแทก
  • เลือดคั่งในสมอง : ภาวะที่มีเลือดออกและคั่งอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ อาจเกิดในเนื้อสมองหรือระหว่างชั้นเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งอาจกดเบียดเนื้อสมองและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จำเป็นต้องได้รับการดูแลฉุกเฉิน

 

การบาดเจ็บที่คอ

  • กล้ามเนื้อคอบาดเจ็บ : เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดกรณีอุบัติเหตุไม่รุนแรง เกิดจากการฉีกขาดของใยกล้ามเนื้อ ทำให้มีอาการปวด ตึง และจะปวดมากขึ้นเมื่อขยับคอ
  • เอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บ : เอ็นที่ช่วยยึดข้อต่อกระดูกคอเกิดการยืดหรือฉีกขาด
  • หมอนรองกระดูกคอเคลื่อน : หมอนรองกระดูกซึ่งทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกระหว่างข้อกระดูกคอ อาจเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงได้
  • กระดูกคอหัก หรือเคลื่อน : เป็นการบาดเจ็บที่รุนแรง มักพบในอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงสูง เช่น การตกจากที่สูง หากมีการกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง อาจทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง หรือเป็นอัมพาตได้ การบาดเจ็บลักษณะนี้ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วนและต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง

 

หลังจากเกิดเหตุการณ์ล้มหัวฟาดพื้นขึ้นต้องทำอย่างไร

ภายหลังจากประสบอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้น ไม่ว่าจะมีอาการบาดเจ็บที่มองเห็นได้ชัดเจนหรือไม่ก็ตาม การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและรอบคอบในทันทีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการกระทำบางอย่างอาจส่งผลต่อระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการบาดเจ็บที่คอหรือกระดูกสันหลังร่วมด้วย สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการตั้งสติและประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็น เรามีข้อควรปฏิบัติ 8 ข้อมาแนะนำ

 

1. ตรวจสอบการตอบสนองและสัญญาณชีพ : หากผู้บาดเจ็บหมดสติหรือไม่รู้สึกตัว ให้ตรวจดูการหายใจและจับชีพจร หากหายใจไม่สะดวกหรือหยุดหายใจ ควรเริ่มทำ CPR ทันทีหากมีความรู้และทักษะ

2. ห้ามเคลื่อนย้ายโดยไม่จำเป็น : หากสงสัยว่าอาจมีการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังส่วนคอหรือส่วนอื่นๆ ห้ามเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยเด็ดขาดจนกว่าทีมแพทย์ฉุกเฉินจะมาถึง เพราะการเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นหรือเกิดอัมพาตได้ หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจริงๆ ควรประคองศีรษะและคอให้อยู่นิ่งมากที่สุด อาจใช้มือสองข้างประคองศีรษะและไหล่ หรือใช้วัตถุแข็งรองใต้ลำตัวและศีรษะ ควรให้ผู้บาดเจ็บนั่งหรือนอนนิ่งๆ ก่อน เพื่อป้องกันอาการหน้ามืดหรือเป็นลม

3. การดูแลบาดแผล : หากมีบาดแผลเปิดและมีเลือดออก ให้ใช้ผ้าสะอาดกดบริเวณแผลเพื่อห้ามเลือด หากเป็นแผลถลอกหรือฟกช้ำ ควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

4. การจัดการกับอาการบวม (หัวโน) : หากมีอาการบวมหรือหัวโน ให้ใช้เจลประคบเย็นหรือถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาดประคบบริเวณที่บวมประมาณ 15-20 นาที การประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ลดอาการบวมและปวดได้ หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว อาจเปลี่ยนเป็นการประคบร้อนเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

5. เฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง : อาการบาดเจ็บทางสมองบางอย่าง เช่น เลือดคั่งในสมอง อาจไม่แสดงอาการในทันที แต่อาจปรากฏขึ้นในภายหลังได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาอย่างน้อย 24-72 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ

6. ควรมีผู้ดูแล : ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ ควรมีผู้ดูแลคอยสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว

 

 

สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

  • หมดสติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ หรือหมดสติไปแล้วยังไม่ฟื้น
  • ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง มีอาการง่วงซึมผิดปกติ ปลุกตื่นยาก สับสน หรือไม่สามารถจดจำบุคคลหรือสถานที่ได้
  • อาการชัก มีอาการเกร็ง กระตุก หรือควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนขาไม่ได้
  • มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรืออาการปวดแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม
  • มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนหลายครั้ง
  • การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน ภาพมัว หรือการมองเห็นแย่ลงอย่างกะทันหัน
  • มีน้ำใสๆ หรือเลือดไหลออกจากจมูกหรือหู
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่แขน ขา หรือใบหน้า
  • มีปัญหาในการพูด เช่น พูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือพูดจาสับสน
  • มีปัญหาในการทรงตัว การเดิน หรือการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เช่น หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย หรือซึมลงผิดปกติ
  • มีบาดแผลลึกที่ศีรษะ หรือมีรอยยุบที่กะโหลก
  • มีรอยช้ำบริเวณหลังหู หรือรอบดวงตา โดยที่บริเวณนั้นไม่ได้รับการกระแทกโดยตรง
  • หากการบาดเจ็บเกิดจากการตกจากที่สูงมากกว่า 1 เมตร หรือ 5 ขั้นบันได หรืออุบัติเหตุที่เกิดจากความเร็วสูง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ ควรไปพบแพทย์ทันที แม้จะยังไม่มีอาการผิดปกติชัดเจนก็ตาม

 

ท้ายบทความ

ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มที่เสียงล้มหัวฟาดพื้นจะเป็นในกลุ่มเด็ก  และผู้สูงอายุ แม้โดยทั่วไปหากเด็กล้มหัวฟาดพื้นรุนแรง แม้หัวไม่แตกก็ควรพบแพทย์ เพราะบางครั้งเด็กเล็กอาจจะไม่ได้บอกเราเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง หากเป็นการหกล้มไม่รุนแรง แม้เด็กมักฟื้นตัวได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด สังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเรียน หรือการนอนหลับ และถ้าให้แนะนำก็ควรปรึกษาแพทย์เสมอแม้ดูเหมือนเป็นการบาดเจ็บเล็กน้อย สำหรับผู้สูงอายุ การหกล้มเป็นเรื่องใหญ่เพราะทุกครั้งที่หกล้มจะมีความเสี่ยงสูงต่อการล้มและการบาดเจ็บรุนแรง การฟื้นตัวอาจใช้เวลานานกว่า ดังนั้นการป้องกันการล้มมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แนะนำให้จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และการใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมในกิจกรรมเสี่ยง สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้


บทความที่เกี่ยวข้อง
Pelvic Endometriosis, ปวดท้องเม้นท์, ปวดประจำเดือน, ปวดท้อง, เซเปี้ยนซ์, นาตยา
โรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial-like tissue) เจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือแม้กระทั่งที่ผนังลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ
31 ส.ค. 2025
ปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, หมอนาตยา
อาการปวดท้องน้อยจากการมีประจำเดือน Primary Dysmenorrhea เกิดจากการสร้างสาร prostaglandin มากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวรุนแรง เกิดอาการปวดเกร็ง ถ่ายเหลว หรือคลื่นไส้
21 ส.ค. 2025
เทนนิส, กีฬา, เซเปี้ยนซ์
โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ ในฐานะผู้นำด้านเวชศาสตร์การกีฬาและการระงับปวดเฉพาะทาง มองเห็นว่า การรักษาที่ดี ต้องเริ่มจากความเข้าใจ biomechanic และ pain pathway ที่ถูกต้อง
4 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy